ปัญหาระหว่างประเทศระหว่าง จีน กับ สหรัฐอเมริกา

ปัญหาการค้าระหว่างประเทศสหรัฐฯ กับสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาโดย ทรัมป์ขู่ว่าจะเพิ่มอัตราภาษีสำหรับการนำเข้าทั้งหมด ของสินค้าจากประเทศจีน และประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติสั่งแบนหัวเว่ยออกจากตลาดสหรัฐฯ ผู้สังเกตการณ์ความสัมพันธ์สหรัฐฯ – จีนเริ่มกังวลเกี่ยวกับอนาคตของความสัมพันธ์ทวิภาคี มันกำลังเกิดอะไรขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ แล้วทำไมพวกเขาถึงมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้
ประการแรกที่อยากจะให้เข้าใจกันก่อนเลย คือทรัมป์ไม่ใช่ผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อความสัมพันธ์สหรัฐฯ – จีนเท่านั้น จริงที่เขาแค่ทำให้มันเริ่มรุนแรงขึ้น แต่เขาไม่ใช่คนที่เป็นคนเริ่มต้นปัญหานี้ขึ้นมา นับตั้งแต่การเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดี Richard Nixon ไปยังประเทศจีนในปี 1972 ทำให้ผู้คนในสหรัฐอเมริกาเห็นว่าจีนเปิดกว้างมากขึ้น และอยู่ในความสนใจของสหรัฐฯ สิ่งนี้เป็นรากฐานของการมีส่วนร่วมกับจีนนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
มีหลายปัจจัยที่เป็นรากเหง้าของปัญหานี้ เช่น อเมริกาเปิดฉากทิ้งระเบิดสถานเอกอัครราชทูตจีนในนครเบลเกรดเมื่อปี 1999 รวมถึงการปะทะกันกลางอากาศปี 2001 ในไหหลำก็ โชคยังดีที่ความสัมพันธ์ยังไม่ถึงกับขาดสะบั้น ในช่วงเวลานั้นที่เริ่มมีชาวอเมริกันตั้งความหวังว่าชาวจีนจะเหมือนพวกเขามากขึ้น เนื่องจากมีการบูรณาการเข้ากับระบบระหว่างประเทศเสรีของสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น
จีนกลายเป็นคู่แข่งที่กำลังจะขึ้นมาเหนือกว่าสหรัฐฯ
เนื่องจากจีนกลายมีฐานเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองอย่างรวดเร็วในช่วงปลายปี 2010 ในขณะที่ยังคงรักษาอำนาจนิยมพรรคเดียวเอาไว้ได้ ทำให้ชาวอเมริกันเริ่มรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง พวกเขารู้สึกไม่สบายใจ รู้สึกถูกคุกคาม ฉันทามติใหม่คือจีนได้กลายเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงอาจเป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกา ในช่วงสมัยที่สองของประธานาธิบดีบารัคโอบามา สหรัฐอเมริกาเริ่มจัดการกับความท้าทายของจีนอย่างจริงจัง “สาระสำคัญ” หรือ “การปรับสมดุลให้กับเอเชีย” เป็นแนวทางหลักของโอบามา ที่จะใช้ในการต่อรองกับประเทศจีน
รัฐมนตรีต่างประเทศฮิลลารี คลินตัน เป็นแกนนำสำคัญของแนวทางนี้ ด้วยเหตุผลนี้ รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์ของเธอเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนของจีน ทำให้คนจีนสนับสนุนทรัมป์มากกว่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร แต่พวกเขามั่นใจคงไม่เลวร้ายไปกว่าฮิลลารี ทรัมป์พยายาม “แก้ไข” ปัญหาระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา แต่เขาได้ให้ความสำคัญกับการแข่งขันทางเศรษฐกิจ-เทคโนโลยี มากกว่าสิ่งอื่นใด สิ่งนี้เองทำให้ความสัมพันธ์กลายเป็นการแข่งขันที่รุนแรงกว่าความร่วมมือ เนื่องจากความขัดแย้งเชิงโครงสร้างของทั้งสองฝ่าย ต่างพยายามปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงในระบบระหว่างประเทศ โลกกำลังเข้าสู่ยุคของความไม่แน่นอนอย่างมากเนื่องจากการแข่งขันของสหรัฐฯ – จีนทวีความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าทั้งสองประเทศจะลงเอยกันอย่างไร