กระแสข่าว iPhone 8 จะสวยแค่ไหนมีอะไรเปลี่ยนแปลง

iPhone-8

ต้องยอมรับว่าแม้ iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus พึ่งจะออกมาได้ไม่นานแต่ด้วยกระแสความแรงของ iPhone X ทำให้คนส่วนใหญ่มองว่า iPhone 8 เหมือนกับเป็นแค่ของที่ถูกทำขึ้นมาคั่นเวลาชั่วคราวเท่านั้น เพราะหากคิดจะลงทุนแล้วเพิ่มเงินอีกไม่เท่าไหร่ก็จะได้ของที่หรูหรามากกว่า อย่างไรก็ตามก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่มองว่าการใช้งาน iPhone 8 เป็นมือถือที่มีความคุ้มค่าสูง รวมไปถึงดีไซน์ภายนอกที่อาจดูเดิมๆ แต่ก็ได้มีการปรับสัดส่วนที่แตกต่างจนสังเกตเห็นได้เลยทีเดียว

iPhone-8iPhone 8 กับความสวยงามที่คุ้มค่าคุ้มราคา

ความเหนือชั้นของ iPhone 8 คือการมาของกล้องคุณภาพสูง, ระบบชาร์ตไร้สาย, ความหรูหราของตัวเครื่องจากตัวกระจก, การใช้หน้าจอใหม่แบบ True Tone ปิดท้ายด้วยชิพ A11 ที่ต้องบอกว่าแรงสุดๆ ในวงการมือถือ ณ เวลานี้ ซึ่งหากแยกรายละเอียดของ iPhone 8 ออกมาอย่างชัดเจนแล้วจะสามารถมองจากภายนอกถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนมากๆ ประกอบไปด้วย การดีไซน์รูปแบบใหม่ที่มีทั้งกระจกหน้า กระจกหลัง และสีสันที่สร้างความหรูหราให้กับตัวเครื่องมากกว่าเดิม, งานกล้องคุณภาพสูงจาก iPhone 8 ที่มีการอัพเกรดฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ใส่ลูกเล่นลงไปได้อีกเพียบรับรองว่าการถ่ายรูปของคุณจะต้องสนุกสนานกว่าเดิมอย่างแน่นอน, ความเร็วของ CPU ที่แรงที่สุดในบรรดามือถือตอนนี้พร้อมกับการใช้แนวคิดแบบนิวรอล รองรับรูปแบบ Machine Learning และ AR, เลือกใช้ระบบการชาร์ตไฟแบบไร้สายและการใช้ Fast Charging ได้อย่างง่ายดาย ที่สำคัญเป็นระบบปฏิบัติการ iOS 11 ที่จะทำให้ประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ทุกคนเปลี่ยนไป ทว่าเรื่องสีของ iPhone 8 นั้นมีให้เลือกน้อยลงกว่ารุ่นก่อนๆ ในอดีตเราจะมีตัวเลือกของ iPhone ให้ได้ใช้กัน 6 สี ประกอบไปด้วย Silver, Black, Jet Black, Rose Gold, Gold และ Product Red ในตอนที่มีการออก iPhone 7 แต่เมื่อมาสู่ iPhone 8 ได้มีการตัดสีต่างๆ ออกไปจนเหลือเพียงแค่
– Space Grey มาพร้อมกับอลูมีเนียมขอบข้างสีเทา พร้อมกระจกหลังสีเทามืด
– Gold เป็นอลูมีเนียมขอบทอง ส่วนกระจกหลังจะเป็นสีทองออกชมพู
– Silver สีที่คลาสสิกและได้รับความนิยมสูง ขอบข้างสีเงิน พร้อมด้วยกระจกหลังสีขาว
ซึ่งสีที่ว่ามาทั้งหมดนี้ได้มีการถูกสร้างขึ้นมาจากกระบวนการการลงหมึก 7 ชั้นชนิดพิเศษของ Apple โดยเฉพาะ ส่วนความจุก็จะมีให้เลือก 2 แบบ คือ ขนาด 65 GB กับ 256 GB เป็นไปได้ว่า iPhone เองต้องการลดการออกรุ่นของแบรนด์ให้น้อยลงเพื่อส่วนแบ่งการตลาดที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับการกระจายรุ่นให้เยอะแต่ส่วนแบ่งไม่ค่อยน่าพอใจ